เพิ่งได้ไปดู StepUp 3D ช่วงนี้ทำงานจนดึกเลย ไม่ได้เข้าโรงหนังเลย จนแถวบ้านไม่มีรอบเหลือ ผมก้อคิดว่าคงได้ดูหนังซูมแน่แล้ว ฮ่าๆ แต่ก้อโชดดีที่ไปเจอว่า วันเสาร์นี้จะรอบสุดท้ายแล้ว ไม่งั้นคงได้ดูหนังซูมๆ เป็นแน่
ความรู้สึกจาก Stepup 3 บอกได้ว่า เจ๋งมากครับ เพราะว่าท่าเต้นแบบ non-stop ไม่มีหยุดพัก หมุนแล้วหมุนอีก จนปวดหัว ผมคิดว่าถ้าเต้นแบบนี้ได้กระดูกคงจะหลุดแน่ๆ และเนื้อหารองของเรื่อง ก้อสร้างความประทับใจหลายๆได้ไม่น้อยนะครับ ตัวหนังเรื่องนี้พยายามสื่อกับเราว่า อย่าเพิ่งรีบมุ่งสนใจแต่เป้าหมาย ไม่ว่าระหว่างทางก้อยังมีอีกหลายสิ่งที่เก็บเกี่ยวและได้เรียนรู้ไปด้วยได้ และ อย่าทิ้งความฝัน (อาจจะไม่เข้าใจ งั้นอ่านต่อไป)
สำหรับหนังเดี่ยวนี้ ชอบเล่นกับคนดู โดยสร้างตัวละคร ให้เรารู้สึกสัมผัสได้ ให้เรารู้สึกว่า ครั้งหนึ่งเขาก้อควรเป็นแบบนี้เหมือนกันนะ อย่างน้อยก้อเคยพยายามตามล่าฝันเหมือนกัน (อาจจะไม่ใช่เต้นก้อได้นะครับ) มันจึงเป็นจุดที่เรียกว่าโดนใจ จิ๊ด…ใจ และเรียกแรงบันดาลใจ กลับมาได้บ้างล่ะ
สำหรับ step up มุมหนึ่งก้อเหมือนหนังหนังวัยรุ่นปกติล่ะครับ แต่อีกมุมก้อเรื่องของวัยรุ่น ที่ต้องต่อสู้เพื่อความฝัน และต้องเลือกระหว่างสองสิ่ง ที่เขาก้อไม่แน่ใจในชีวิตของเขาว่าัมันใช่หรือป่าว โดย step up ได้ถ่ายทอดผ่าน นายลุค (พระเอก หล่อ ล่ำ หน้าตาเหมือนเจ้าของเวป) ที่เป็นหัวหน้าทีมเต้นโจรสลัด? ที่ต้องการพาความฝันของเพื่อนให้ชนะการแข่งขัน Worldjam แต่อีกมุมหนึ่งเขาอยากเป็นผู้กำกับหนัง แต่ก้อยังไม่กล้าที่จะสานความฝันของตัวเองให้เป็นจริงจนจบ และ มุส (กาง หัวฟู หยิก) มีความสามารถทางเต้นสูง แต่เขาก้อเลือกที่จะทิ้งการเต้นไป คิดว่ามันเป็นเรื่องของเด็กๆ แล้วหันมาเรียนวิศวะ (ในเรื่องเป็นวิศวะอิเล็กทรอนิกส์)
สุดท้าย การเต้นก้อชนะทุกอย่าง โดยในหนังจะแสดงเห็นว่าความรักของการเต้น ช่วยให้ลุคสามารถผลักดันทีม เข้าแข่งข้นจนชนะได้ และกลับไปเรียนภาพยนตร์ในตอนจบ ส่วนมุส (พระเอกของเรา) เส้นทางทั้งการเต้นและการเป็นวิศวะของมุส ไปๆมา มันไปด้วยกันได้ ความสามารถทางวิศวกรรมแบบหัวฟูๆ สามารถนำไปใช้ในการเต้นได้อีก (ตามูสมันฉลาดล้ำสักไม่มี) คือตามุสเอาสีและแสง LED มาช่วยประกอบการเต้น ได้อย่างมีสีสัน และช่วยให้ทีมชนะในตัวจบ เพราะอีกทีมเต้นอย่างเดียว ส่วนตามุส เลย ก้อเลยคิดได้ กลับไปเรียนต่อสองสาขา ทั้งวิศวะและเต้น ไปเลยที่เดียว ฮ่าๆ
มาถึงตรงนี้ ผมมาเข้าประเด็นที่ไม่มีใครสังเกตกันบ้างนะครับ ตัวหนังกำลังบอกถึง สิ่งที่กำลังจะิืมาเกี่ยวกับ Visual Art ตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้ LED Throwies (LED ที่ผูกติดกับแม่เหล็ก แล้วเอาไปปาติดตามอาคาร) ตลอดทั้งเรื่องครับ มันเป็นสื่อสารกับคนดู ให้เห็นศิลปะสมัยใหม่ ที่มีทั้งวิศวกรรมกับศิลปะ มันเข้ากันได้ และในการเ้ต้น เพลงสุดท้ายของหนัง ก้อคงจะแสดงให้เห็นว่า การประยุกต์ มันทั้งวิศวกรรม มาใช้ มันดูมีพลังแค่ไหนนะครับ
หลายคนอาจจะ ชีิวิตจริงๆมีขบถแบบนี้ด้วยเหรอ มีจริงๆครับ กลุ่มคนที่ทำ computer graphics ยุคแรกๆ ของบริษัท Pixal ก้อเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักคอมพิวเตอร์ที่จิตใจขถบ มีใจรัก cartoon animation ด้วยครับ สิ่งที่ มุสไปเรียนทั้งสอง สาขานิ ทั้งเต้น ทั้งวิศวะ ในตอนนี้มันอาจดูแปลก แต่เขาอาจจะเห็นแล้วว่า ทั้งสองสิ่งนิ จะเป็นตัวเขาเองได้อย่างไงในอนาคต (สงสัยว่าตามุสจะ คิดได้ว่า ตอนเช้าออกแบบวงจร ตอนกลางคืนออกมาเต้นมั่ง ฮ่า)
เอาล่ะครับ ดูหนังย้อนมาดูตัวเรา สุดท้ายผมก้อมาผูกกับเรื่องเราจนได้ในตอนจบ ฮ่าๆ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ ดูคงรอแผ่น DVD ออกแล้วล่ะครับ? ผมว่าอาจจะเต้นไม่ได้เป็น ก้อยังชอบดูเลย