ผมเอาเรื่องของ Post-it มาเล่าให้ฟัง ในการทดลองค้นหาสูตร “กาวพลังช้าง” ของนักเคมีของ 3M แต่กลับได้ “กาวพลังด่อย” สิ่งที่ค้นพบ เราอาจจะมองไม่เห็นประโยชน์ในวันนี้ แต่ในวันข้างหน้า โอกาสมาถึง จากของที่หาประโยชน์ไม่ได้ กลับเป็นของมีมูลค่าได้ ซึ่งผมก้อเห็นว่าบทความสิ่งประดิษฐ์นี้ มันก้อเข้ากับพวกเราได้ดีครับ จึงเอามาเล่าให้ฟังอีกที่ สำหรับบทความนี้ ผมก้อเอามาเวป wowboom อีกที่นะครับ แล้วเอามาเพิ่มเติมข้อมูล
สองผู้คิดค้น Post it รูปจาก www.ft.com
โฟสต์-อิท กระดาษแผ่นเล็กๆ หลากหลายสีสัน ที่มีแถบกาวใช้ซ้ำติดอยู่ด้านหลังกระดาษ ที่เห็นใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น แท้จริงแล้วมันคือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ใน ความล้มเหลว
กว่าจะค้นพบ Post-it
- Post-it เริ่มแรกนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ของ 3M คิดค้นได้โดยบังเอิญโดย สเปนเซอร์ ซิลเวอร์ (Spencer Silver) ในปี 1968
- เรื่องของ Post-it เป็นความ “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในความล้มเหลว” ก็เนื่องมาจาก สเปนเซอร์ ชึ่งได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงสูตร กาวพลังช้าง ที่สามารถติดได้แน่น ทนทาน กว่าเดิม
- แต่เขากลับพบสูตรกาวใหม่ ที่ผลไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ โดยสิ้นเชิง คือ ได้กาวที่แทบจะไม่มีความเหนียวเลย จนทีมงานไม่รู้จะนำไปใช้ประโยชน์อะไร เป็นกาวที่ยึดอะไรไม่ได้ ยึดได้เพียงกระดาษสองแผ่นให้ติดกัน แต่ออกมันดึงออกจากกันได้ แต่ก็พบข้อดีว่า มันเอาติดใหม่ได้หลายครั้ง โดยไม่ทิ้งคราบไว้เลย
- ถึงกระนั้น สเปนเซอร์ และทีมงาน จะไม่รู้จะนำไปใช้ประโยชน์อะไร แต่เขาก็ยังคงเก็บรายงาน และสูตร กาวพลังห่วย นี้ไว้ (ถ้าเป็นบริษัทในไทย ทำสร้างงบขนาดนี้ คงโดยตัดเงินเดือนแน่นอน)
- เวลาผ่านไปกว่า 4 ปี นักวิทยาศาสตร์ของ 3M นามว่า อาเธอร์ ฟรี(Arthur Fry) ซึ่งเขาเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์อีกด้วย
- ตามปกติการร้องเพลง แต่ล่ะครั้ง นักร้องจะมีการประชุม เพื่อเลือกเพลง ที่จะร้องไว้ล่วงหน้า เมื่อเลือกเพลงได้ เขาจะคั่นหน้าเพลงด้วยเศษกระดาษ แต่เขาประสบปัญหา กระดาษเหล่านั้นมักปริวหลุด ขณะเปิดไปหน้าอื่นๆ ทำให้การร้องเพลงต่อไป ขลุกขลักไม่ต่อเนื่อง
- จากปัญหานี้ ทำให้อาเธอร์ นึกขึ้นได้ว่าสเปนเซอร์ เคยค้นพบ กาวพลังห่วยขั้นเทพ ได้เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว เมื่ออาเธอร์จึงนำมันลองใช้ อาเธอร์พบว่า กาวพลังห่วยนี้ มีคุณสมบัติถูกต้องอย่างที่เขาตามหา ทำให้กระดาษโน๊ตติดกับหนังสือได้ และสามารถลอกไปติดซ้ำได้ และไม่ทิ้งรอยคราบ หรือทำความเสียหายให้หนังสืออีกด้วย จากข้อด้อยไร้ประโยชน์ กลายเป็นข้อดีหาที่เปรียบมิได้สักแล้ว
- จากการค้นพบครั้งนั้น ทำให้ “กาวพลังห่วย” ได้เกิดเป็นกระดาษโน็ตสีเหลือง ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยเตือนความจำ นามว่า Post-it
- Post-it กระดาษโน็ตยอดนิยม ของ 3M ผลิตออกขายในปี 1980 หลังการค้นพบ กาวพลังห่วย นั้นถึง 10 ปี
- ส่วนประกอบของแถบกาว Post-it ผิวกระดาษด้านที่กาวเหนียวนั้นมียางยูเรีย ฟอร์มาดีไฮด์ เป็นฟองเล็กๆปกคลุมอยู่ และภายในฟองมีสารยึดติด เมื่อโดนแรงกด ฟองเหล่านี้จะแตกไปบ้างแต่ไม่หมดทุกฟอง ดังนั้นกระดาษนี้จึงนำไปใช้ติดใหม่ได้
รูป Post it Art จาก http://www.digitalbusstop.com/post-it-note-art/
POST iT เชิงสังคม
- Post-it เป็นที่นิยมมาก เพราะว่ามันเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเอกสาร ในที่ทำงานอย่างสิ้นเชิง
- Post-it ถือเป็นเครื่องช่วยเตือนความจำ และ มันยังผลิตภัณท์ที่สะท้อนสังคม ที่ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยข้อมูล ข่าวสารที่หลายทาง และ ความต้องการที่จะจัดการกับความสลับ ข้อมูลอันยุ่งเหยิงนั้น
- เราจะเห็นภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่เอา Post-it ไปเป็นตัวละครหลัก ที่เอามันมาเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับเตือนความจำ ไม่ว่าจะเป็น “50 First dates” ,”Memento” , ”ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” , “32 ธันวา” …….
- Post-it ถูก พัฒนามันมาใช้เป็นระบบช่วยเตือนความจำในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ เป็นโน็ตบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น “Sticky Notes” ของ Windows 7 และ “Stickies” ของ MacOS
ความสำเร็จของ POST-IT
- Post-it เป็นผลิตภัณต์ของ 3M มากว่า 30 ปี และ มีการพัฒนาต่อเนื่อง จากกระดาษช่วยเตือนความจำขนาด 3×3 นิ้ว ได้พัฒนาเรื่อยมาจนทุกวันนี้มีกระดาษ 8 ขนาด 25 แบบ และ 62 สี เพื่อตอบสนองการใช้งาน และยังขายไปอีก 150 ประเทศ
- อาเธอร์ (Arthur Fry) และ สเปนเซอร์ (Spencer Silver) ผู้ให้กำเนิดเจ้ากระดาษโน้ตนี้ ได้รับเกียรติ ถูกนำชื่อเข้าประดับในทำเนียบ หอนักประดิษฐ์เกียรติยศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Inventors Hall of Fame) ที่มีบทบาท ผลักดันเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อน สังคมและเศรษฐกิจ ให้ดีขึ้น
- สำหรับ Post it ในตอนนี้คงไม่เป็นแค่กระดาษสีเหลืองธรรมดา มันพัฒนามาเป็นระบบช่วยเตือนความจำ และระบบนี้คงจะอยู่ไปอีก เป็นร้อยๆ ปี
เรื่องราวนี้บอกเราว่า
ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า การพบสิ่งไร้ค่า ไม่ได้บอกว่า เราจะล้มเหลว
แต่การล้มเหลว คือการที่ล้มเลิก ไปก่อนต่างหาก”
คัดลอกและเรียบเรียงเพิ่มเติมมาจาก
Post-it 30 ยังแจ๋ว , ผู้คิดค้น Post-it คนแรกของโลก , กระดาษโพสต์อิด